วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2562


กปภ.ชี้แจงน้ำประปามีสีขุ่นดำ ที่ อ.เมืองเลย เกิดจากเติมสารเคมีไม่เหมาะสมกับคุณภาพน้ำ
ไทยรัฐฉบับพิมพ์1 ส.ค. 2562 05:01 น.

น้ำเสีย ชาวบ้านใน ต.สนามชัย อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นห่วงท้องทะเล เนื่องจากมีการแอบปล่อยน้ำเสียจากการเพาะเลี้ยงกุ้งชายฝั่ง ลงสู่ทะเล น้ำที่เคยใสสะอาด มีสีดำขุ่น เป็นการทำลายระบบนิเวศ ที่สำคัญกระทบต่อการประกอบอาชีพประมง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน...
น่าสงสัย ใน ซอยเทศบาลบางปู 47 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ชาวบ้านสงสัย ภายในซอยแยก 14/1 เลยโรงเรียนไป มีแนวรั้วเมทัลชีตล้อมไว้ รถวิ่งเข้า-ออกอย่างพลุกพล่านตลอด 24 ชั่วโมง ส่งเสียงดังเหมือนกับทำอะไรกันบางอย่าง ฝาก สภ.เมืองสมุทรปราการ หรือหน่วยงานของทหาร เข้าไปพิสูจน์ที ว่ามีอะไรดี...
ปรับปรุง ผู้ใช้ศาลาผู้โดยสารแจ้งว่า บริเวณใต้สะพานวงแหวนเข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม จากการปรับปรุงถนนพระราม 2 ที่เพิ่งทำเสร็จถนนเรียบร้อยดี แต่ที่น่าจะปรับปรุงคือศาลาที่พักผู้โดยสารหลังเก่า เพราะอยู่ต่ำจากถนนมากเหมือนกับเป็นหอไตรกลางน้ำ ผู้โดยสารเดินศีรษะแทบจะชนหลังคา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขด้วย...
เสียงดัง ผู้อาศัยอยู่ใน ซอย 10 เทียนทะเล เขตบางขุนเทียน แจ้งว่า ทุกวันตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นมา ที่ กลางซอยมีร้านค้าแห่งหนึ่ง มีกลุ่มวัยรุ่นตั้งวงดื่มสุรา จนดึกๆดื่นๆ พอเมาได้ที่ ขว้างขวด ขว้างแก้วกลางถนน เปิดเพลงเสียงดัง ชาวบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอบอกให้เบาเสียงลง ก็ถูกด่า ผกก.สน.ท่าข้าม ส่งลูกน้องช่วยชาวบ้านที...
กองสื่อสารองค์กร การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ชี้แจงกรณี น้ำประปาหมู่บ้านที่บ้านสามแยก–ปากภู อ.เมืองเลย มีสีขุ่นดำนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นประปาหมู่บ้าน กปภ.เลยลงพื้นที่พบว่าเกิดจากเติมสารเคมีไม่เหมาะสมกับคุณภาพน้ำ ได้แนะนำ ทำความเข้าใจ รวมทั้งส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมแก้ไขปัญหาแล้ว...



ปริศนาเม็ดสีขาว ลอยติดเกลื่อนหาดแม่รำพึง 12 กิโลเมตร ลองจับดูรู้สึกเหนียว


คลื่นซัดเม็ดสีขาวๆ คล้ายดอกเกลือ น้ำหนักเบา ลอยเกลื่อนหาดแม่รำพึง ระยะทางยาว 12 กิโลเมตร ชาวประมงอ้างยังมีอีกเพียบลอยอยู่กลางทะเล ลองจับดูพบว่าเหนียวติดมือ

เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้าน ต.ตะพง อ.เมืองระยอง พบเม็ดสีขาวๆ ลักษณะคล้ายดอกเกลือ ถูกคลื่นซัดเกลื่อนชายหาดแม่รำพึง เป็นระยะทางตลอดชายหาดยาว 12 กิโลเมตร จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ตั้งแต่บริเวณโค้งร่วมใจ ต.ตะพง

นายวีระศักดิ์ คงณรงค์ ชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็ก ได้พาเดินดูบริเวณชายหาด พบเม็ดสีขาวขนาดเล็กคล้ายดอกเกลือมีน้ำหนักเบา เกลื่อนชายหาดตลอดแนวและเล่าว่าเม็ดสีขาวดังกล่าวถูกคลื่นซัดเกลื่อนชายหาดมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม และยังพบเกลื่อนเต็มชายหาดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เมื่อลองใช้นิ้วกดเม็ดดังกล่าวดู ก็พบว่าเนื้อสัมผัสที่แตก และรู้สึกเหนียวติดมือ ขณะที่บางคนก็บอกว่า อาจจะเป็นเม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตอุตสาหกรรม ทำให้ชาวประมงและชาวบ้านวิตกกังวลอาจจะว่ามีสารเคมีปนเปื้อนมากับน้ำทะเลหรือไม่

นายวีระศักดิ์ เล่าว่า ขณะที่นำเรือออกไปกู้ลอบดักปลา ที่อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร ก็พบเม็ดสีขาวๆ แบบนี้ลอยเต็มทะเล ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบกับสัตว์น้ำหรือไม่ ทั้งนี้จากการกู้ลอบดักปลาในทะเล ก็ยังพบว่าปลาบางตัวมีแผลเปื่อย ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่

นอกจากนี้ก็ยังเจอขวดยาและสายน้ำเกลือลอยในน้ำทะเลด้วย รวมทั้งแกลลอนพลาสติกสีดำขนาด 5 ลิตร บรรจุน้ำมันเครื่องใช้แล้วลอยในทะเล ตนจึงเก็บกู้ขึ้นมาไว้บนฝั่ง

จากการสอบถามเจ้าของร้านค้าริมชายหาด ก็เล่าว่า ขณะนักท่องเที่ยวมานั่งเตียงผ้าใบชายหาด เห็นเม็ดสีขาวจำนวนมากตามแนวชายหาด จึงเดินมาถามว่า ทำไมชายหาดถึงมีดอกเกลือเต็มไปหมด จึงออกไปดูก็ไม่รู้ว่าเป็นเม็ดอะไรคล้ายดอกเกลือ แต่ไม่ใช่ดอกเกลือ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นสารเคมีหรือไม่ จึงฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเก็บกวาดชายหาดโดยเร็ว เพราะตั้งแต่ค้าขายมาก็ไม่เคยเห็นเม็ดสีขาวๆ เช่นนี้ มีแต่คราบน้ำมันที่มักจะเจอบ่อยๆ

นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง กล่าวว่าได้ให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการเก็บกวาดเม็ดสีขาวตามชายหาดโดยเร็ว พร้อมให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน


ขณะที่ นายธานี จารุนัฎ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมมลพิษระเบียงเศรษฐกิจ จ.ระยอง เดินทางมาตรวจสอบพร้อมเก็บตัวอย่างเม็ดสีขาวไปตรวจสอบ จากการใช้นิ้วบี้ดูก็รู้สึกว่าเหนียวติดมือ จึงไม่น่าจะเป็นสารเคมี น่าจะเป็นวัตถุดิบเม็ดพลาสติก แต่ยังไม่แน่ใจว่ามาจากเรือที่ขนส่งมาหรือไม่



ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการสร้างยาปฏิชีวนะใหม่
ไทยรัฐฉบับพิมพ์26 ก.ค. 2562 09:01 น.

(Credit : University of Manchester)
ธรรมชาติถือเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของสารประกอบทางเคมี ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายชนิด ทว่าสารเคมีที่น่าสนใจที่สุดมักมาจากสิ่งมีชีวิต ทว่านำมาใช้งานได้ยากในห้องปฏิบัติการทดลอง โดยเฉพาะสารประกอบเคมีประเภทพอลิคีไทด์ (polyketides) คือกลุ่มสารเคมีที่สำคัญซึ่งส่วนใหญ่ผลิตโดยแบคทีเรียในดินและจุลินทรีย์อื่นๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ เผยความสำเร็จในการสร้างแบคทีเรียลำไส้ที่พบบ่อยเพื่อผลิตยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ด้วยการใช้หุ่นยนต์เข้าช่วย ยาปฏิชีวนะดังกล่าวรู้จักกันในชื่อพอลิคีไทด์ คลาสทู (polyketides Class II) เกิดจากแบคทีเรียในดินตามธรรมชาติและมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย อันมีความสำคัญในอุตสาหกรรมยาสมัยใหม่ที่เชื่อว่าจะนำไปใช้ต่อสู้กับโรคติดเชื้อและโรคมะเร็งได้
การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นศักยภาพของวิธีการรวมเครื่องจักรกลการผลิตแบคทีเรียเข้ากับเอนไซม์จากพืชและเชื้อรา จนเกิดความเป็นไปได้ที่จะสร้างสารประกอบทางเคมีใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในธรรมชาติ และไม่เพียงช่วยให้นักวิจัยทดลองสารพอลิคีไทด์ใหม่ได้แบบอัตโนมัติ แต่ยังจะสามารถเขียนลำดับดีเอ็นเอของเส้นทางการสังเคราะห์ยาปฏิชีวนะได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยเผยว่าน่าจะใช้เวลาราว ปีในการสร้างและทดสอบยาปฏิชีวนะที่อาจเกิดขึ้นได้ถึงสิบชนิด.




ซีอานแตกตื่นทั้งเมือง “ฟองโฟม” ปริศนาทะลักท่วมถนน ขาวโพลนไปทั่ว 

เมืองซีอานเกิดเหตุชวนแตกตื่น “ฟองโฟม” ปริศนาทะลักท่วมถนน ฟูฟ่องขาวโพลนราวหิมะตกหนัก

สำนักข่าวประเทศจีนรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุชวนฉงน มีฟองโฟมสีขาวจำนวนมากปรากฏขึ้นบนถนนสายหนึ่งในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ปกคลุมพื้นถนนเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร ฟูฟ่องสูงราวครึ่งเมตร ส่งผลให้การจราจรบางช่วงติดขัด ยานพาหนะหลายคันถูแช่กลางฟองขาวโพลน สร้างความประหลาดใจให้ผู้พบเห็นไม่น้อย



ผู้พบเหตุการณ์กล่าวว่า ฟองโฟมดังกล่าวโผล่ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำบนทางเท้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามีฟองโผล่ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ 3 แห่งบนถนนสายดังกล่าว จึงเร่งกำจัด จนการจราจรกลับมาใช้งานได้ตามปกติในช่วงค่ำ

ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมเมืองซีอานแถลงในวันต่อมาว่า ฟองโฟมปริศนาที่ไหลทะลักออกมาจากท่อระบายน้ำนั้น มาจากบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งที่ใช้ในการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟใต้ดิน แต่เกิดความผิดพลาดในการจัดเก็บ ทำให้เกิดการรั่วไหลลงระบบระบายน้ำ จนเกิดเป็นฟองทะลักท่วมถนน แต่สารดังกล่าวไม่ได้เป็นพิษ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด



สาวอเมริกันฆ่าตัวตาย บ่อยแก๊สไข่เน่าตลบอบอวล อพยพแขกทั้งโรงแรม


เกิดอุบัติเหตุประหลาดที่โรงแรมดัง ใจกลางนครซานโฮเซ แก๊สไข่เน่าลอยอบอวลทั่วฟลอร์ สั่งอพยพแขกนับร้อยชีวิต สืบพบเป็นเหตุฆ่าตัวตายของลูกค้าสาวคนหนึ่ง ทำคนบาดเจ็บไปอีก 8 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุแปลกประหลาดขึ้นที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในนครซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเหตุทำให้มีผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต และพบผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บอีก 8 คน ขณะเดียวกันได้มีการสั่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่โรงแรมทั้งหมด หลังเผชิญหน้ากับวัตถุอันตรายชนิดหนึ่งที่มาในรูปแบบของกลิ่นเน่าฉุน

ตามรายงานระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันเสาร์ (31 ส.ค.) ตามเวลาในท้องถิ่น แขกภายในโรงแรมชื่อดังได้แจ้งว่าได้กลิ่นประหลาดบางอย่างโชยออกมาทั่วบริเวณ เป็นกลิ่นคล้ายกับสารเคมีบางอย่างในลักษณะเหม็นฉุน รูปแบบเหมือนแก๊สไข่เน่า โดยผู้ที่สูดดมเข้าไปรู้สึกวิงเวียนศีรษะและหายใจติดขัด

หลังเกิดเหตุดังกล่าว ทางโรงแรมได้สั่งอพยพผู้คนนับร้อยชีวิตออกจากโรงแรมทั้งหมด เพื่อสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นหาแหล่งที่มาของกลิ่นสารเคมีที่เกิดขึ้นในโรงแรม กระทั่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเธอเป็นแขกที่เช็กอินเข้าพักที่โรงแรม ก่อนจะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงได้ว่า ห้องพักของเธอน่าจะเป็นต้นเหตุของกลิ่นประหลาดครั้งนี้ และอาจจะเป็นการจงใจฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบอีเมล์ส่วนของหญิงสาวที่เสียชีวิต โดยมีข้อความและน้ำหนักที่เชื่อมโยงไปถึงสาเหตุการก่อเหตุฆ่าตัวตาย ด้วยการใช้สารเคมีในรูปแบบสูดดมสารระเหย แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดที่แน่ชัด ขณะที่ตัวแทนของโรงแรมก็ยังไม่ได้แจ้งข้อมูลใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 8 คน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานของโรงแรม โดยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จากการสูดดมสารระเหยบางชนิดเข้าไป หลายคนรู้สึกดีขึ้นเหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกอาคาร ทั้งนี้เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นการก่อวินาศกรรมเพื่อหวังผลต่อชีวิตและทรัพย์สินโดยรวม คาดว่าน่าจะเป็นก่อเหตุฆ่าตัวตายของบุคคลหนึ่งเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และเสาะหาว่าสารเคมีหรือสารระเหยที่ลอยโชยออกมานั้นเป็นสารอะไรกันแน่


ทลายโกดังยาลดอ้วน แหล่งใหญ่สุดภาคเหนือ นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
15 ก.ค. 2562 05:01 น.


ตำรวจจับมือสาธารณสุขปูพรมลุยค้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มุ่งทลายแหล่งกักเก็บสาร “ไซบูทรามีน” ต้นตอยาลดความอ้วนมรณะที่คร่าชีวิตเหยื่อบริสุทธิ์ไปแล้วหลายราย แฉแหล่งผลิตใหญ่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านด่านชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ เจอเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา เชื่อมโยงกับโรงงานผลิตยาลดน้ำหนักใน จ.กาฬสินธุ์


ภายหลังมีผู้บริโภคเสียชีวิตถึง 2 ราย เนื่องจากสั่งซื้อยาลดความอ้วนผสมสาร “ไซบูทรามีน” ที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมาจากแม่ค้าทางออนไลน์ ทำให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ตื่นตัว เข้าตรวจค้นจับกุมสารมรณะดังกล่าวอย่างเข้มงวด ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ก.ค. พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. นำกำลังร่วมกับ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย เปิดยุทธการฟ้าสางขุดรากถอนโคนทลายเครือข่ายนำเข้าจำหน่ายยาลดความอ้วนมรณะ “ไซบูทรามีน” ในพื้นที่ จ.เชียงราย จุดแรกที่ตึกแถวข้างตลาดสดบุญยืน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย พบยากันยุง กาแฟซองลดความอ้วน จำนวนมาก จุดต่อมาที่ตึกแถว 2 ชั้นให้เช่า เลขที่ 995/5-6 ซอยเทศบาล 5 หลังตลาดบุญยืนยึดสาร “สเตียรอยด์” บรรจุกระสอบสีขาวจำนวนมาก และพบขวดบรรจุยาเม็ดแคปซูลลดความอ้วน

จากนั้นไปตรวจค้นในตึกแถวฝั่งตรงข้าม พบถังบรรจุถุงของเหลวเป็นน้ำยา ถังละ 60 กก. กว่า 100 ถัง และเครื่องซีลกล่องกระดาษ 1 เครื่อง ต่อมากำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในโกดังเก็บของกลางตลาดดอยเวา อ.แม่สาย พบกล่องกระดาษบรรจุหลอดยาลดความอ้วน ซองยาย้อมผม ซองกาแฟลดความอ้วน ยาเม็ดแคปซูลลดความอ้วน แต่ละจุดที่เข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้นำสารตั้งต้นและยาเม็ดตัวอย่างมาตรวจพิสูจน์ พบผลิตภัณฑ์ทุกชนิดมีส่วนผสมสารไซบูทรามีนทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอายัดสินค้าทั้งหมดไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.อ.วิระชัยเผยว่า ผลการเข้าตรวจค้นครั้งนี้พบของกลางที่มีส่วนผสมสารไซบูทรามีนเป็นจำนวนมาก และพบมากที่สุดตั้งแต่เกิดคดีนี้มา เชื่อว่าชายแดนแม่สาย จ.เชียงราย เป็นแหล่งนำเข้าสารไซบูทรามีนรายใหญ่ อีกทั้งเป็นต้นทางของการผลิตยาลดความอ้วน เจ้าหน้าที่จะได้แจ้งข้อกล่าวหา นำเข้า-มีไว้ในครอบครอง และมีไว้เพื่อผลิตยากับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี ส่วนจะแจ้งข้อหากับใครบ้าง ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน

วันเดียวกัน พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่โจ้ พ.ต.ต.อภิชัย พันธุ์คงชื่น สว.สส. สภ.แม่โจ้ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ บุกทลายโรงงานผลิตยาลดความอ้วน และอาหารเสริมความงามในบ้านเลขที่ 178 หมู่บ้านโชควารี หมู่ 3 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ยึดของกลางยาลดความอ้วน อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม สารผสม อุปกรณ์การผลิต และบรรจุภัณฑ์จำนวนมาก มูลค่าหลายสิบล้านบาท จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายกันตวรรน รังสิมาหริวงศ์ อายุ 39 ปี และ น.ส.สุธารัตน์ ปานพรม อายุ 30 ปี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่โจ้ ดำเนินคดีในเรื่อง พ.ร.บ.อาหารและยา ทั้งนี้ หากตรวจพบมีการใช้สารไซบูทรามีนที่มีอันตราย จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เนื่องจากตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้ต้องหา พบเชื่อมโยงกับโรงงานผลิตยาลดความอ้วนในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์


จ.ตาก พ.ต.ท.ไชยวิญญ์ อินทรทรัพย์ รอง ผกก. สส. สภ.แม่สอด นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ตาก นำหมายศาลเข้าค้นเป้าหมาย 3 จุด บ้านเลขที่ 596/5 และ 596/6 หมู่ 2 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด บริษัทเอ็มแอนด์ที แม่สอดอิม-เอ็กซ์ สาขา 1 บ้านเลขที่ 386 หมู่ 1 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด และบ้านเลขที่ 103 หมู่ 6 ต.แม่กาษา อ.แม่สอด จากการตรวจค้นในสถานที่แต่ละแห่ง พบสารบางอย่างจำนวนมาก พร้อมแคปซูลเปล่าที่ใช้บรรจุยา เจ้าหน้าที่ได้ยึดเป็นของกลางนำมาที่ สภ.แม่สอด รวมทั้งเชิญบุคคลผู้อยู่ในสถานที่ทั้ง 3 แห่ง มาสอบสวนหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการผลิตยาลดความอ้วนหรือไม่ เนื่องจากทั้ง 3 จุดเป็นบริษัทส่งออกยาและอุปกรณ์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

จ.ระยอง พ.ต.ท.ธีระพงศ์ วรการพงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองระยอง นำชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ระยอง เข้าค้นร้าน POR’S Dress & Fashion ขายเสื้อผ้าแฟชั่น ไม่มีเลขที่ ถนนราษฎร์บำรุง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง มี น.ส.ปราณี รัตนวิจิตร อายุ 28 ปี เจ้าของร้านนำค้น บนชั้น 2 ของร้านพบอาหารเสริม ยาลดน้ำหนัก และยาผิวขาวจำนวนมาก รวมกว่า 30,000 เม็ด เบื้องต้นไม่พบใบอนุญาตและฉลาก อย. น.ส.ปราณีอ้างว่า ยาลดน้ำหนักและอาหารเสริมสั่งซื้อตัวยามาจากทางภาคเหนือ นำมาบรรจุใส่แคปซูลเอง ก่อนส่งให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ในราคาเม็ดละ 3 บาท เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของสารไซบูทรามีนหรือไม่ หากพบจะแจ้งข้อหาต่อไป


เฝ้าระวังแผ่นดินอาบพิษ สู้!กับมือที่มองไม่เห็น
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
28 ส.ค. 2562 05:05 น.


หมอดื้อ” หรือ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แผนกประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย ตอกย้ำชัดเจนถึงความเลวร้ายของสารเคมีพิษและความเลวร้ายยิ่งกว่าของผู้สนับสนุนส่งเสริมการใช้เพื่อผลประโยชน์...โดยไม่คำนึงถึงชีวิตคนไทยที่สูญเสีย


คำเตือน! เรื่อง “สุขภาพ”...เฝ้าระวังแผ่นดินอาบสารพิษยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านมานับเดือนนับปีแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ...เลิกใช้ 3 สารเคมีอันตรายลงไปได้ ตรงกันข้ามเสมือนกับว่าหมอ...นักวิชาการผู้ที่ออกมาเตือนถึงอันตรายจะถูกรังแกเสียด้วยซ้ำ

สะท้อนได้จาก...หนังสือด่วนที่สุดจากต้นสังกัด บันทึกข้อความ “ลับ” ส่งตรงมายัง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เรื่อง...แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีมหาวิทยาลัยได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาว่าท่านได้ออกข่าวว่าวงการแพทย์พบคนไข้ตายจากสารพาราควอตจำนวนมาก

แต่ไม่ได้ระบุสาเหตุแห่งการตาย ซึ่งเป็นการนำข้อมูลด้านการแพทย์ให้ข่าวไม่หมด สร้างความเข้าใจผิดให้สังคมทำให้ “เกษตรกร” เป็นแพะรับบาปจากการใช้สารเคมีและได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสารตกค้างในผักและผลไม้ โดยกล่าวถึงห้องปฏิบัติการที่ไทยแพลนใช้ตรวจสอบสารได้มากกว่า 400 ชนิด

และผู้ถูกร้องเรียนยังได้โพสต์เฟซบุ๊กที่มีข้อความระบุชื่อ...นางสาว ...ดำเนินกิจกรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตและผู้ขายสารพิษพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส และเบื้องหลังเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองเป็นตัวแทนบริษัทค้าสารพิษ


ผู้ร้องเรียนเห็นว่าพฤติกรรมผู้ถูกร้องเรียนได้นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และได้รับความอับอาย เป็นการกระทำผิดจริยธรรมและกระทำผิดวินัย

คณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว จึงขอเชิญท่านมาให้ข้อเท็จจริงแก่คณะกรรมการฯเพื่อเป็นหลักฐานในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ในวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2562 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 203 อาคารจามจุรี 3 ชั้น 2 พร้อมทั้งนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการให้ข้อเท็จจริง

สารพิษฆ่าหญ้า ฆ่าแมลงเป็นความจริงที่ต้องยอมรับ เป็นภัย! รอบตัวของเราๆท่านๆ ทั้งยังเป็นภัยสำคัญต่อ “ผู้ใช้”...ชาวสวน...ชาวนาที่ใช้ไปในช่วงแรกๆก็ดี แต่ผ่านไปสักพัก “ระบบนิเวศ”...ของผืนดินแปลงนั้นจะถูกทำลายลง และผลก็คือดินจะไม่อุดมสมบูรณ์ การเพาะปลูกก็จะไม่ยั่งยืน

แต่จะหยุดใช้ก็กลัวเพราะโดนบริษัทสารเคมีล้างสมองว่า ถ้า... “หยุด” ผักผลไม้จะมีปัญหา

“...จึงใช้ต่อไปทั้งๆที่คนปลูกเองก็ไม่กล้ากินของที่ปลูก มาถึงผู้บริโภคส่วนที่มันตกค้าง ล้างแล้วก็ล้างออกได้ไม่หมด มะเร็งก็เป็นมหาศาล” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ว่า

เคยได้ยิน...ไกลโฟเซตไหม สารเคมีพิษฆ่าหญ้าที่ชอบพูดกันว่าอันตรายน้อยกว่าเกลือ แต่เสียใจด้วยเพราะมันก่อมะเร็งเช่นกัน ยังเป็นพิษต่อตับ ไต ปอด มีก่อสมองอักเสบและสมองฝ่ออีกด้วย”

อันตรายของ “สารเคมี” พิษต่อสุขภาพ...กระบวนการย้อนแย้งในการยืดอายุการใช้สารเคมีพิษต่อไปอีกเรื่อยๆ ทั้งๆที่ประชาชนคนไทยเจ็บป่วยมหาศาลและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก


จะเป็นกระแสฉาบฉวยหรือเปล่าไม่มีใครรู้ ที่แน่ๆเมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าว “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ยัน สธ.ไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเสี่ยงสูง 3 ชนิด เพราะกระทบสุขภาพชัดเจน แต่การยกเลิกเป็นอำนาจของกระทรวงเกษตรฯ

ด้าน “วิวัฒน์ ศัลยกำธร” อดีต รมช.เกษตรฯ ชี้ถ้ายกเลิกไม่ได้ต้องปลดข้าราชการ

หมอดื้อ ย้ำว่า คนไทยต้องรับทราบความร้ายแรงของสารเคมีพิษฆ่าหญ้าฆ่าแมลงไม่ใช่เพียงแค่ผลกระทบทันทีเสียชีวิตจากหนังเน่าเนื้อเน่าและเกิดการติดเชื้อตามมา หรือเข้าทางเยื่อบุผิวหนังอ่อน ฝอยละอองเข้าทางการหายใจ...แม้มีการแต่งตัวมิดชิดก็มีโอกาสได้สารพิษเหล่านี้ทีละเล็กทีละน้อยและตาย

สารเคมี” ที่ปะปนในอาหารพืชผักผลไม้ล้างไม่ออก ต้มไม่ทำลาย และเกิดมะเร็ง โรคทางสมอง...ส่งผลต่อตับ ไต ระบบภูมิคุ้มกัน...หลักฐานเหล่านี้นำมาซึ่งการวินิจฉัยและลงมติของท่านประธานผู้ตรวจการแผ่นดินให้แบนสารเคมีพิษเหล่านี้ภายในสิ้นปี 2562 คนที่ออกมาบอกว่าไม่มีหลักฐานทางด้านวิชาการจะใช้หลักฐานของบริษัทสารพิษทั้งสิ้น พร้อมทั้งกล่าวว่าเมื่อเกษตรกรผู้ใช้เลินเล่อก็ตายไป...

คนทั่วไปสามารถอ่านข้อมูลได้ในสมุดปกขาวซึ่งรวบรวมหลักฐานความร้ายกาจของสารเคมีพิษเหล่านี้ที่ปะปนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทยเข้าไปในพืชผักผลไม้ เข้าไปในอาหาร ลงไปในน้ำประปา ลงไปในน้ำในเขื่อน จากแม่สู่ลูก และเผยแพร่ในคอลัมน์หมอดื้อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ...ค้นหาด้วยกูเกิล “ไทยรัฐ หมอดื้อ” มีทั้งหมด 7 ตอน และมีตอนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีเหล่านี้รวมทั้งไกลโฟเซต อีกทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ขั้นลึกสามารถอธิบายกลไกเหล่านี้ได้ตั้งแต่ก่อนปี 2012 แม้กระทั่งปรากฏอยู่ในตำราต่างๆ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกอีกว่า กระบวนการชั่วร้ายของบริษัทสารเคมีพิษ กล่าวหานักวิชาการที่เปิดโปงอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศและสิ่งแวดล้อม...อาหาร พืชผัก ผลไม้...

ข่มขู่ให้ ดร.พวงรัตน์ออกจากมหาวิทยาลัยนเรศวร


กระบวนการดังกล่าวได้ทำติดต่อ...ต่อเนื่องไปยังนักวิชาการทั้งหลายในประเทศไทย รวมกระทั่งตัวหมอเอง โดยมีการยื่นไปที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้หาและแสดงหลักฐานว่าสารเคมีพิษพาราควอต นำไปสู่โรคหนังเน่าเนื้อเน่ามหาศาลในประเทศไทย...และการปนเปื้อนสารเคมีมหาศาลในพืชผักผลไม้ ที่พบได้ 41%”

แน่นอนว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าสารเคมีพิษมีอันตรายมากมายแค่ไหนและไม่ใช่แต่โรคหนังเน่าเนื้อเน่าเท่านั้น แต่รวมถึงพิษเฉียบพลัน พิษสะสม พร้อมๆกับแสดงหลักฐานประจักษ์ชัดในการตรวจการปะปนของสารพิษเหล่านี้ ในพืชผักผลไม้โดยนักวิชาการและองค์กรอิสระ

นอกจากนั้นจะแสดงให้เห็นว่า...กรรมการที่หาหลักฐานอันตรายของสารเคมีพิษต่อสุขภาพเหล่านี้ที่ตั้งโดยคุณสุวพันธ์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้วประกอบไปด้วย “คนที่ไม่เป็นกลาง” รวมทั้งยังประกาศตัวในที่ประชุมว่าเป็นผู้สนับสนุนในการใช้สารเคมีพิษเหล่านี้ และยอมรับโดยท่านรัฐมนตรี!

จากความไม่เป็นกลางและแสดงถึงผลประโยชน์ทับซ้อนของหลายๆคนในกรรมการชุดนั้น ทำให้หมอและกรรมการอีกสองท่านจากมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยนเรศวร ลาออกจากกรรมการ ทั้งนี้หลักฐานต่างๆที่ส่งไปยังกรรมการชุดนั้นไม่ถูกนำมาพิจารณาอย่างเป็นกลาง...

นอกจากนั้นกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ยังมีการยอกย้อนฝืนมติของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2560 และในปี 2561 เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกวันที่ 23 พฤษภาคม 2561...

ทั้งสองครั้งกรรมการวัตถุอันตรายยืนยันว่าสารเคมีทั้งสามตัว พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นการต่อต้านมติของท่านประธานสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินที่ท่านได้ย้ำในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ให้มีการแบนสารพิษเหล่านี้ในสิ้นปี 2562”

อย่าลืมครับวันที่ 29 สิงหาคม 2562 นี้...เกิดมาเป็นคนไทย อย่าให้เสียชาติเกิด #กำจัดคนเลวให้สิ้นซาก.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทที่ 3 สมบัติของธาตุและสารประกอบ

บทที่ 3 สมบัติของธาตุและสารประกอบ บทที่ 3 สมบัติของธาตุและสารประกอบ สมบัติของสารประกอบของธาตุตามคาบ -  สมบัติของสารประกอบคลอ...